เรียน ท่านผู้ถือหุ้น

ในปี 2566 สถาณการณ์ทั่วโลกเต็มไปด้วยความผันผวนจากสงครามและความไม่สงบในหลายภาคส่วน ธนาคารกลางของหลายประเทศได้มีการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ ทําให้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ชะลอตัวหรือเติบโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ ในทางตรงกันข้ามเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และที่สําคัญ ปี 2566 นี้เป็นปีที่เกิดสภาพภูมิอากาศของโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง

สําาหรับบีซีพีจี เรายังคงมุ่งมั่นให้ความสําคัญกับภารกิจการสร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน รองรับการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานรูปแบบเดิมสู่พลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมทั้งการขยายการลงทุนในหลากหลายเทคโนโลยีในหลายภูมิภาคของโลก การปรับพอร์ตการลงทุน เพื่อให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่งและมีความคล่องตัวทางการเงินท่ามกลางความท้าทายต่างๆ

โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาโดยได้เข้าซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 4 โครงการ กําลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนรวมทั้งสิ้น 857 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันเรายังได้ลงนามในสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยเพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ซึ่งได้รับผลตอบแทนจากอัตราค่าขายกระแสไฟฟ้าที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับราคาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในปัจจุบัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ช่วงเปลี่ยนผ่านพลังงาน และในการขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลัก

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ลงทุนในโครงการคลังจัดเก็บน้ำมันและท่าเทียบเรือที่จังหวัดเพชรบุรี และในปีนี้เราประสบความสําเร็จในการเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 2 แห่ง ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ไปขายยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ผ่านสายส่งขนาด 220 กิโลโวลต์ ระยะทางรวม 150 กิโลเมตร ซึ่งสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ทางด้านการหาโอกาสลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมพลังงานและระบบสาธารณูปโภคที่สามารถสร้างรายได้และผลกําไรให้บริษัทฯ อย่างสม่ําาเสมอและต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้เดินหน้าแสวงหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve โดยมุ่งเน้นในธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ โดยจับมือกับบริษัทชั้นนำจากต่างประเทศ ในการพัฒนาธุรกิจแบตเตอรี่เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสองล้อและสามล้อ แบตเตอรี่สําหรับติดตั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในอนาคต ประกอบกับได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของแบตเตอรี่ ที่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจการบริหารจัดการด้านพลังงาน ที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนด้านพลังงานที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สําหรับด้านการเงิน ในปี 2566 บีซีพีจีได้รับการยืนยันอันดับเครดิต “A” แนวโน้ม “Stable” จากบริษัททริสเรทติ้ง เป็นการสะท้อนถึงการมีรายได้ที่แน่นอน และสัดส่วนการลงทุนที่กระจายตัวและหลากหลาย ทําให้หุ้นกู้บีซีพีจีได้รับการตอบรับดีเกินเป้าหมาย แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันบริษัทฯ ประสบความสําเร็จในการลงนามในสัญญาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมดในญี่ปุ่น โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้รับมารองรับโครงการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตที่รวดเร็ว

ด้านความยั่งยืน บริษัทฯ ได้รับการประเมินผลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้เป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Rating ประจําาปี 2566 ในระดับ “AA” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และได้รับการคัดเลือกจากสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดําเนินงานของบริษัทฯ ที่ให้ความสําคัญในการสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนที่ไม่ใช่เพียงการดําเนินธุรกิจเท่านั้น แต่มุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรขององค์กร ให้มีความรู้และความเชี่ยวชาญในธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อนำมาพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้ามั่นคงต่อไปด้วย

ด้านบรรษัทภิบาล บีซีพีจีได้รับการประเมินการกําากับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย “Corporate Governance Report of Thai Listed Companies 2023” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยในระดับ “ดีเลิศ” และ “การประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจําาปี 2566” หรือ AGM Checklist ที่ 100 คะแนนเต็ม (5 เหรียญ) โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย

ขณะที่การดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งที่บริษัทฯ ยังคงให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยได้ตั้งเป้าหมายเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2573 ซึ่งบริษัทฯ ได้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว จากการรับรองขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ตั้งแต่ปี 2565 ทั้งในส่วนของคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กรและความเป็นกลางทางคาร์บอน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2593 ด้วยการปลูกป่า การใช้พลังงานสีเขียว และการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

และในปีนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนาและให้บริการ 2 แพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรในประเทศไทยสามารถคํานวณ และวางแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ประกอบด้วย แพลตฟอร์มเพื่อการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรจากการดําเนินกิจการ (Carbon Footprint Tracking for Organization หรือ CFO) ตามแนวทางขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) โดยครอบคลุมทั้ง 3 ขอบเขต และแพลตฟอร์มเพื่อการซื้อขายคาร์บอนเครดิต และใบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ทั้งมาตรฐานไทยและต่างชาติ (Carbon Credit Trading) เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และเจตนารมณ์ในการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดําเนินธุรกิจ

พร้อมกันนี้ยังได้วางรากฐานและปลูกฝังการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมชวนน้องๆ ปลูกป่าชายเลน เพิ่มแหล่งดูดซับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไชด์ให้กับโลก กิจกรรมนักคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนพิชิตโลกร้อนด้วยหลัก 3R เป็นต้น

สําาหรับด้านรางวัลความสําเร็จ ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย อาทิ รางวัล The Asset Triple A Sustainable Infrastructure Award 2023 รางวัล SET Awards ประเภท นักลงทุนสัมพันธ์ดีเด่น ในกลุ่ม Business Excellence ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 รางวัล International Business Magazine Award สาขา Most Innovative Renewable Energy Company South East Asia 2023 และสาขา Most Sustainable Company Thailand 2023 จากนิตยสารชั้นนำสายธุรกิจและการเงินระดับโลกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ นับเป็นความภาคภูมิใจและเป็นกําลังใจ ให้กับผู้ปฏิบัติงานเป็นอย่างยิ่ง

สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ที่ได้ร่วมมือทุ่มเทความสามารถและความเชี่ยวชาญอย่างเต็มที่ในการนำบริษัทฯ ให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่าง ๆ และผลักดันธุรกิจของบริษัทฯ ให้เดินหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน และขอขอบคุณผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ทั้งท่านผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ กลุ่มสถาบันการเงิน ฯลฯ ที่ให้ความไว้วางใจ และให้การสนับสนุนธุรกิจของบริษัทฯ ตลอดมา

นายพิชัย ชุณหวชิร

ประธานกรรมการ